วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เมลืคุณหมอพนมกร

phanomgon@yahoo.com เมล์คุณหมอพนมกร

รูมาตอย จากหมอแมว ขอบคุณครับ

-ขอบคุณหมอแมว จาก http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=mormaew&month=03-2008&date=30&group=2&gblog=8

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ รูมาตอยด์ -=Byหมอแมว=-

เป็นช่วงเวลาบ่ายแก่ๆแล้วตอนที่ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาในห้องตรวจของผม
"หมอผมขอยารูมาตอยด์" ชายคนดังกล่าวพูดขึ้น
ผมอ่านดูในส่วนเวชระเบียนที่พยาบาลบันทึกไว้ก่อนจะถามกลับ "คุณมีอาการยังไงบ้างครับ"
" ผมไปตรวจมาแล้วว่าเป็น จาก....." เขาพูดถึงคนคนหนึ่งซึ่งไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ "เค้าบอกว่าผมเป็นรูมาตอยด์ เนี่ยให้ยามากินแล้วหาย ผมเลยจะมาต่อยา"

โรค ปวดข้อรูมาตอยด์เป็นโรคอักเสบปวดข้ออีกโรคหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันดี เมื่อมีผู้ป่วยมาที่โรงพยาบาลด้วยอาการ"ปวด"มีจำนวนไม่น้อยทีเดียวที่กังวล ว่าตนเองจะเป็นโรคนี้ มีทั้งหลายคนที่วิตกกังวลจนเกินเหตุ ไปจนถึงผู้ป่วยที่ประมาณความน่ากลัวของโรคนี้ต่ำเกินไป
เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคปวดข้อข้ออักเสบที่พบได้บ่อยที่สุดโรคหนึ่ง จึงน่าที่จะทำความรู้จักไว้ครับ

โรคข้อรูมาตอยด์คืออะไร เกิดจากอะไร
โรค นี้เป็นโรคที่ข้อต่างๆของร่างกายเกิดการอักเสบปวดบวมขึ้นมา จัดเป็นโรคปวดข้อชนิดหนึ่งซึ่งเกิดการอักเสบขึ้นในเนื้อเยื่อที่บุอยู่ในข้อ
สาเหตุ ของโรคนี้ยังไม่เป็นที่ทราบกันแน่ชัด แต่พบว่ามีส่วนที่เกิดจากความผิดปกติของพันธุกรรม ซึ่งไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้เกิดการทำงานผิดปกติเกิดการ ต่อต้านเนื้อเยื่อของตนเองจนเกิดอาการปวดข้อ
ข้อแตกต่างจากการปวดธรรมดา ก็คือ ในโรคนี้ การอักเสบนั้นเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ดังนั้นหากปล่อยให้โรคดำเนินต่อไปเรื่อยๆโดยที่ไม่ได้จัดการกับสาเหตุ เนื้อเยื่อของข้อนั้นๆจะเกิดการอักเสบและกัดกร่อน ซึ่งนำไปสู่การผิดรูปของอวัยวะ
พบว่าในผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้และไม่สามารถ ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง จะเกิดความพิการตามมาโดยที่พบได้บ่อยๆก็คือข้อนิ้วมือบิดเบี้ยวเสียจนหยิบ จับอะไรไม่ได้ ซึ่งถือว่าเป็นโรคที่น่ากลัวเอามากๆ


ปัญหาที่ทำให้โรคนี้เป็นโรคที่น่ากลัวและต้องพูดถึง
ลองคิดภาพดูนะครับ ถ้าคุณเป็นหวัดคัดจมูก คุณกินยาจนไข้ลดลง ไม่มีน้ำมูก คุณก็เข้าใจได้ว่าคุณหายแล้ว
คุณเป็นไข้เลือดออก พอหมอให้นอนดูอาการสักสองวันสามวัน ไข้ลดลง อาการดีขึ้น คุณก็เข้าใจได้ว่าคุณหายแล้ว
แต่ถ้าคุณป่วยเป็นโรครูมาตอยด์ การดูอาการเป็นสิ่งที่ไม่เพียงพอครับ
เพราะว่าอาการปวดนั้นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของโรคเท่านั้น ... ผู้ร้ายตัวจริงของโรคนั้นคือระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ผิดปกติไป
ซึ่ง ตัวตนที่แท้จริงของโรครูมาตอยด์อันเกิดจากภูมิคุ้มกันนั้นยังมีอีกหลายส่วน ที่นอกเหนือจากความเจ็บปวด ดังนั้นแม้ว่าเราจะกินยาแก้ปวดจนไม่มีอาการปวดเลย แต่ถ้าไม่ได้กินยาที่เฉพาะต่อโรคจริงๆล่ะก็ ต่อให้คุณไม่ปวดข้อเลย สุดท้ายก็จะเกิดความพิการได้อยู่ดีครับ

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณกำลังเป็นหรือเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้
เนื่อง จากเจ้าโรคนี้เป็นโรคที่วินิจฉัยได้ยาก โดยเฉพาะกรณีที่เพิ่งเริ่มเป็นได้ไม่นานจะมีความยากมากๆ ทำให้โรคนี้เป็นโรคที่มีเกณฑ์ในการวินิจฉัยครับ
เกณฑ์ในการวินิจฉัยนี้ตั้งโดยAmerican college of rheumatology โดยมีลักษณะหลักๆก็คือ
- มีอาการปวดมากในตอนเช้าแล้วค่อยๆดีขึ้นหลังจากใช้งานไปทีละน้อย
ตาม ที่ได้บอกไว้ว่ามันเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่มาสะสมและก่อการ อักเสบ ดังนั้นเมื่อนอนไปนานๆไม่ขยับข้อก็จะเกิดการสะสมของกลุ่มสารภูมิคุ้มกันได้ ง่ายจนเกิดการอักเสบ ...
พอขยับมากๆก็เป็นการทำให้เลือดลมไหลเวียนและเอา สารที่ก่อการอักเสบออกไป... ต่างจากโรคข้ออักเสบชนิดอื่นที่การขยับมักจะก่อการอักเสบให้มากขึ้น
- มีอาการข้ออักเสบในตำแหน่งที่เข้าได้
- มีอาการข้ออักเสบในตำแหน่งที่สมมาตร
ข้อ อักเสบในกลุ่มรูมาตอยด์จะมีตำแหน่งที่ชอบข้อเล็กๆและข้อนิ้วบางตำแหน่งมาก กว่าจุดอื่น ... และอาการข้ออักเสบนี้เป็นอาการที่แพทย์ควรจะตรวจเจอมากกว่ารับจากการบรรยาย เพราะว่าอาการที่เรียกว่าข้ออักเสบต้องประกอบไปด้วยอาการปวดบวมแดงร้อน ที่ชัดเจน ... หลายครั้งที่ผู้ป่วยเชื่อว่ามีอาการข้ออักเสบแต่พอตรวจแล้วมีอาการเจ็บๆขัดๆ ข้อโดยที่ข้อไม่อักเสบ อันนี้ก็ไม่นับครับ
นอกจากนี้อย่างที่กล่าวไปแล้ว ว่ามันเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เวลาข้ออักเสบที่ข้างหนึ่ง อีกข้างที่เหมือนกันก็ควรจะอักเสบไปด้วย
- มีก้อนขึ้นในตำแหน่งและลักษณะที่เข้าได้กับโรค
รู มาตอยด์จะมีก้อนที่เรียกว่า Rheumatoid nodule อันนี้ก็ต้องให้แพทย์เป็นคนพิจารณา ซึ่งผู้ที่เป็นอาจจะลองสังเกตดูว่าหลังจากเริ่มมีอาการปวดแล้วเกิดไปมีก้อน ขึ้นที่ไหนหรือเปล่า
- มีภาพถ่ายรังสี(เอกซ์เรย์)ที่บ่งบอกถึงกระดูกที่ถูกทำลาย
เวลาเป็นมากๆจะมีลักษณะกระดูกถูกทำลายที่จำเพาะซึ่งแพทย์จะเอาไปแปลผลครับว่าความผิดปกตินั้นเกิดจากรูมาตอยด์หรือเกิดจากโณคอื่นๆ
- ตรวจเลือดพบRheumatoid factor
ค่า นี้เป็นค่าของสารที่พบได้บ่อยในผู้ที่เป็นรูมาตอยด์ครับ ... ข้อเด่นของมันคือมันเป็นการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ผลก็มีสองอย่างคือเจอกับไม่เจอ ... แต่ข้อด้อยของมันก็มีหลายข้อไม่ว่าจะเป็นเรื่องการที่สารตัวนี้ยังพบได้ใน โรคอื่นๆ รวมไปถึงคนที่เป็นโรคข้อรูมาตอยด์จริงๆก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องเจาะเจอสารตัว นี้ก็ได้ครับ
ทั้งนี้ อย่างน้อยจะต้องเจออาการต่างๆ สี่อย่าง จึงจะมั่นใจได้ว่าจะให้การรักษาแบบโรครูมาตอยด์จริงๆ

ถ้า อ่านแล้วงงก็โอเคครับ ไม่แปลก เพราะตอนที่ผมเรียนครั้งแรกก็งงเหมือนกันว่ามีด้วยหรือที่การวินิจฉัยนั้น ไม่แน่นอน ... แต่เรื่องนี้เป็นความจริงครับ และก็สร้างความลำบากให้กับแพทย์ในการวินิจฉัย
มีผู้ป่วยไม่น้อยที่ตรวจกับแพทย์ที่หนึ่งไม่เจอ ... แต่พอกลับบ้านเอายาไปกินพักนึง คนที่บ้านดูบอกว่าเป็น มาตรวจใหม่ดันเป็นจริงๆ
หรือบางรายไปตรวจแล้วแพทย์คนแรกบอกว่าเป็นแน่ๆ ... พอรักษาไปสักพักไม่แน่ใจเปลี่ยนที่ตรวจ แพทย์คนที่สองก็บอกว่าไม่เป็น
นั่น เป็นเพราะว่าการที่แพทย์คนนึงจะบอกได้ว่าเป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ต้องมี ลักษณะ4อย่างครับ แล้วที่น่าปวดหัวคือไม่ใช่ทุกครั้งที่จะครบทั้งสี่อย่าง โดยเฉพาะครั้งแรกๆที่เริ่มมีอาการมักจะมีอาการแค่หนึ่งหรือสองอย่างเท่านั้น ซึ่งต้องไประวังโรคอื่นมากกว่า

ถ้าไม่ต้องวินิจฉัยให้แน่นอน รักษาไปเลยไม่ได้หรือ
วิธีการและยาที่ใช้รักษาโรคนี้มีอยู่ในสองลักษณะครับ
แบบแรกคือ การรักษาแก้อาการปวดและอักเสบ
แบบที่สองคือ การรักษาป้องกันไม่ให้ข้อเสื่อมสลายจนพิการ
ยา ในกลุ่มแรกนั้นแพทย์จะให้อยู่แล้วครับเพราะว่าอย่างไรเสียมาด้วยปวดก็ต้อง จัดการให้หายปวด ... ต่อให้ยังไม่มั่นใจ(แค่สงสัย)ว่าเป็นข้ออักเสบรูมาตอยด์ก็ให้ยาพวกนี้ไปก่อน ได้ เพราะถ้าเป็นรูมาตอยด์จริงๆพอหมดยาพวกแรกแล้วก็จะกลับมาปวดใหม่อยู่ดี ... ซึ่งระหว่างที่กลับมาปวดซ้ำ แพทย์ก็จะค่อยๆค้นหาโรคว่าตกลงแล้วเป็นปวดข้อจากอะไรกันแน่
ยากลุ่มที่ สอง เป็นกลุ่มที่มีชื่อเรียกเฉพาะว่า "ดีมาร์ท" DMARDs เป็นยาหลักที่จะต้องให้ในคนที่เป็นรูมาตอยด์(ถ้าให้ได้) เพราะการให้ยากลุ่มแรกพวกแก้ปวดอักเสบ ต่อให้ให้ยาจนไม่ปวดเลยก็จะยังมีความพิการอยู่ดี การให้ยาในกลุ่ม DMARDsนี้จะช่วยทำให้โอกาสพิการลดลงได้ครับ
บางคนที่ถามว่าแล้วให้ยาไปเลยไม่ได้หรือ "กันไว้ดีกว่าแก้" ก็ต้องบอกว่าไม่ได้ครับ

เพราะ เจ้ายาในกลุ่ม DMARDs นี้เป็นยาที่อยู่ในกลุ่มที่มีพิษต่อเซลล์สูง คล้ายๆกับพวกเคมีบำบัดหรือการให้คีโมในผู้ป่วยมะเร็ง การให้ไปจะมีผลข้างเคียงได้สูง
ซึ่งแพทย์ที่จะให้ก็ต้องชั่งน้ำหนักเอาว่าเหมาะสมหรือไม่ที่จะใช้
จาก นั้นเมื่อแพทย์ชั่งน้ำหนักแล้วว่าเหมาะที่จะใช้ ผู้ป่วยเองก็ต้องร่วมตัดสินใจด้วยว่าจะเลือกเอาอะไรระหว่างเสี่ยงจากผลข้าง เคียงของยา กับ เสี่ยงจากผลของโรค

แล้วถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไรต่อ
สิ่งที่ทำได้ก่อนจะทำการวินิจฉัยโรคนี้มีดังต่อไปนี้ครับ
1. อย่าเปลี่ยนหมอหรือโรงพยาบาลบ่อยๆ
เพราะ ว่าส่วนมากแล้วอาการของโรครูมาตอยด์จะไม่ได้มาครั้งเดียวครบหมด แต่มักจะค่อยๆโผล่มาทีละอย่างสองอย่าง ... ผลเลือดบางครั้งเจาะแล้วอาจจะเจอหรือมีผลอยู่ที่โรงพยาบาลนั้นแล้ว ถ้าเปลี่ยนที่รักษาบ่อยๆ ก็เท่ากับว่าต้องไปเริ่มใหม่ครับ โอกาสที่จะวินิจฉัยได้ถูกต้องก็จะน้อยลงไป
หากอยากจะเปลี่ยนที่รักษาก็ขอให้แพทย์ที่รักษาเขียนรายละเอียดที่สำคัญลงไป (เอาแค่ที่สำคัญก็พอครับ อย่าเอาไปทั้งหมดเลย งงเปล่าๆ)
2. อย่าซื้อยาชุดยาลูกกลอนมากิน
จาก งานวิจัยหลายชิ้นยาชุดยาลูกกลอนมากกว่า50-90%ในท้องตลาดผสมสเตียรอยด์ ... ซึ่งเจ้าสเตียรอยด์นี้จะลดอาการปวดอักเสบได้ดีรวมทั้งกดอาการของโรคข้อรูมา ตอยด์ จึงทำให้การวินิจฉัยล่าช้า (บางรายงานยังพบว่าผลเจาะเลือดจะผิดปกติไปทำให้ตรวจไม่เจอลักษณะของรูมาตอ ยด์)
ที่สำคัญ คนที่ได้สเตียรอยด์อย่างเดียว แม้หายปวดแต่ก็จะมีผลแทรกซ้อนมากมายร่วมกับมีความพิการตามมาได้ภายหลัง
3. สังเกตอาการ มีอะไรแปลกๆบอกหมอทันที
เพราะ บางครั้งคุณอาจจะยังมีอาการไม่ครบในช่วงแรก แต่ถ้าเวลาผ่านๆไปแล้วเกิดอาการมันครบถ้วนขึ้นมาในภายหลัง การไปให้แพทย์ยืนยันก่อนเริ่มการรักษา
อีกเหตุผลก็เพราะว่าที่น่ากลัวของ โรคนี้ยังมีอีกครับ คือ บางครั้งอาการเหมือนๆรูมาตอยด์ แต่ปรากฎว่าเป็นโรคอื่น เช่น เกาท์ ข้อติดเชื้อ หรือโรคทางระบบภูมิคุ้มกันเช่น SLE ดังนั้นถ้ามันมีลักษณะแปลกๆไปก็ควรบอกแพทย์ครับ
4. ไปตามนัดเรื่อยๆสม่ำเสมอ
การ ตรวจและการรักษาโรคกลุ่มข้ออักเสบไม่ว่าจะเป็นรูมาตอยด์หรือไม่ก็ตาม การไปตามนัดเป็นสิ่งสำคัญครับ เพราะว่าการรักษาและการตรวจจะมีขั้นตอนค่อยๆเป็นค่อยๆไป

ครั้งหน้ามาต่อเรื่องนานาปัญหาเกี่ยวกับโรคข้อรูมาตอยด์ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553

http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=25-07-2008&group=11&gblog
เอาจากบล็อกของคุณหมอพนมกร ขอบคุณมากครับคุณหมอ


วิธีเดินด้วย ไม้ค้ำยัน ( Crutches )

ไม้ค้ำยัน ( Crutches )

ตัวหนังสือจะเล็กหน่อยนะครับ .. ใช้วิธีคลิ๊กที่ภาพ แล้วไปขยาย อีกครั้งนะครับ น่าจะพออ่านได้ ..

ที่ต้องลงเป็นภาพ เพราะจะได้เห็นว่า ทำอย่างไร นะครับ ...

http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=25-07-2008&group=11&gblog
เอาจากบล็อกของคุณหมอพนมกร ขอบคุณมากครับคุณหมอ


วิธีเดินด้วย ไม้เท้า ( Canes )

ไม้เท้า ( Canes )

ตัวหนังสือจะเล็กหน่อยนะครับ .. ใช้วิธีคลิ๊กที่ภาพ แล้วไปขยาย อีกครั้งนะครับ น่าจะพออ่านได้ ..

ที่ต้องลงเป็นภาพ เพราะจะได้เห็นว่า ทำอย่างไร นะครับ ..


http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=25-07-2008&group=11&gblog
เอาจากบล็อกของคุณหมอพนมกร ขอบคุณมากครับคุณหมอ


วิธีบริหาร กล้ามเนื้อ หลัง และ กล้ามเนื้อสะโพก


วิธีบริหาร กล้ามเนื้อ หลัง และ กล้ามเนื้อสะโพก








ข้อเท้า

http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=25-07-2008&group=11&gblog
เอาจากบล็อกของคุณหมอพนมกร ขอบคุณมากครับคุณหมอ

วิธีบริหาร เท้า ข้อเท้า และ ขา

วิธีบริหาร เท้า ข้อเท้า และ ขา



http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=25-07-2008&group=11&gblog
เอาจากบล็อกของคุณหมอพนมกร ขอบคุณมากครับคุณหมอ

วิธีบริหาร เข่า


วิธีบริหาร เข่า


http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=25-07-2008&group=11&gblog
เอาจากบล็อกของคุณหมอพนมกร ขอบคุณมากครับคุณหมอ


วิธีบริหาร คอ

วิธีบริหาร คอ


http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=25-07-2008&group=11&gblog
เอาจากบล็อกของคุณหมอพนมกร ขอบคุณมากครับ


วิธีบริหาร ไหล่


วิธีบริหาร ไหล่



http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=25-07-2008&group=11&gblog
เอาจากบล็อกของคุณหมอพนมกร ขอบคุณมากครับ

เรื่อง วิธีบริหาร นิ้วมือ ข้อมือ ข้อศอก


วิธีบริหาร นิ้วมือ ข้อมือ ข้อศอก



ผู้ติดตาม

คลังบทความของบล็อก

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
รักสงบ รักต้นไม้ อ่านหนังสือ เล่นดนตรี