วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เมลืคุณหมอพนมกร

phanomgon@yahoo.com เมล์คุณหมอพนมกร

รูมาตอย จากหมอแมว ขอบคุณครับ

-ขอบคุณหมอแมว จาก http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=mormaew&month=03-2008&date=30&group=2&gblog=8

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ รูมาตอยด์ -=Byหมอแมว=-

เป็นช่วงเวลาบ่ายแก่ๆแล้วตอนที่ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาในห้องตรวจของผม
"หมอผมขอยารูมาตอยด์" ชายคนดังกล่าวพูดขึ้น
ผมอ่านดูในส่วนเวชระเบียนที่พยาบาลบันทึกไว้ก่อนจะถามกลับ "คุณมีอาการยังไงบ้างครับ"
" ผมไปตรวจมาแล้วว่าเป็น จาก....." เขาพูดถึงคนคนหนึ่งซึ่งไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ "เค้าบอกว่าผมเป็นรูมาตอยด์ เนี่ยให้ยามากินแล้วหาย ผมเลยจะมาต่อยา"

โรค ปวดข้อรูมาตอยด์เป็นโรคอักเสบปวดข้ออีกโรคหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันดี เมื่อมีผู้ป่วยมาที่โรงพยาบาลด้วยอาการ"ปวด"มีจำนวนไม่น้อยทีเดียวที่กังวล ว่าตนเองจะเป็นโรคนี้ มีทั้งหลายคนที่วิตกกังวลจนเกินเหตุ ไปจนถึงผู้ป่วยที่ประมาณความน่ากลัวของโรคนี้ต่ำเกินไป
เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคปวดข้อข้ออักเสบที่พบได้บ่อยที่สุดโรคหนึ่ง จึงน่าที่จะทำความรู้จักไว้ครับ

โรคข้อรูมาตอยด์คืออะไร เกิดจากอะไร
โรค นี้เป็นโรคที่ข้อต่างๆของร่างกายเกิดการอักเสบปวดบวมขึ้นมา จัดเป็นโรคปวดข้อชนิดหนึ่งซึ่งเกิดการอักเสบขึ้นในเนื้อเยื่อที่บุอยู่ในข้อ
สาเหตุ ของโรคนี้ยังไม่เป็นที่ทราบกันแน่ชัด แต่พบว่ามีส่วนที่เกิดจากความผิดปกติของพันธุกรรม ซึ่งไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้เกิดการทำงานผิดปกติเกิดการ ต่อต้านเนื้อเยื่อของตนเองจนเกิดอาการปวดข้อ
ข้อแตกต่างจากการปวดธรรมดา ก็คือ ในโรคนี้ การอักเสบนั้นเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ดังนั้นหากปล่อยให้โรคดำเนินต่อไปเรื่อยๆโดยที่ไม่ได้จัดการกับสาเหตุ เนื้อเยื่อของข้อนั้นๆจะเกิดการอักเสบและกัดกร่อน ซึ่งนำไปสู่การผิดรูปของอวัยวะ
พบว่าในผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้และไม่สามารถ ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง จะเกิดความพิการตามมาโดยที่พบได้บ่อยๆก็คือข้อนิ้วมือบิดเบี้ยวเสียจนหยิบ จับอะไรไม่ได้ ซึ่งถือว่าเป็นโรคที่น่ากลัวเอามากๆ


ปัญหาที่ทำให้โรคนี้เป็นโรคที่น่ากลัวและต้องพูดถึง
ลองคิดภาพดูนะครับ ถ้าคุณเป็นหวัดคัดจมูก คุณกินยาจนไข้ลดลง ไม่มีน้ำมูก คุณก็เข้าใจได้ว่าคุณหายแล้ว
คุณเป็นไข้เลือดออก พอหมอให้นอนดูอาการสักสองวันสามวัน ไข้ลดลง อาการดีขึ้น คุณก็เข้าใจได้ว่าคุณหายแล้ว
แต่ถ้าคุณป่วยเป็นโรครูมาตอยด์ การดูอาการเป็นสิ่งที่ไม่เพียงพอครับ
เพราะว่าอาการปวดนั้นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของโรคเท่านั้น ... ผู้ร้ายตัวจริงของโรคนั้นคือระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ผิดปกติไป
ซึ่ง ตัวตนที่แท้จริงของโรครูมาตอยด์อันเกิดจากภูมิคุ้มกันนั้นยังมีอีกหลายส่วน ที่นอกเหนือจากความเจ็บปวด ดังนั้นแม้ว่าเราจะกินยาแก้ปวดจนไม่มีอาการปวดเลย แต่ถ้าไม่ได้กินยาที่เฉพาะต่อโรคจริงๆล่ะก็ ต่อให้คุณไม่ปวดข้อเลย สุดท้ายก็จะเกิดความพิการได้อยู่ดีครับ

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณกำลังเป็นหรือเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้
เนื่อง จากเจ้าโรคนี้เป็นโรคที่วินิจฉัยได้ยาก โดยเฉพาะกรณีที่เพิ่งเริ่มเป็นได้ไม่นานจะมีความยากมากๆ ทำให้โรคนี้เป็นโรคที่มีเกณฑ์ในการวินิจฉัยครับ
เกณฑ์ในการวินิจฉัยนี้ตั้งโดยAmerican college of rheumatology โดยมีลักษณะหลักๆก็คือ
- มีอาการปวดมากในตอนเช้าแล้วค่อยๆดีขึ้นหลังจากใช้งานไปทีละน้อย
ตาม ที่ได้บอกไว้ว่ามันเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่มาสะสมและก่อการ อักเสบ ดังนั้นเมื่อนอนไปนานๆไม่ขยับข้อก็จะเกิดการสะสมของกลุ่มสารภูมิคุ้มกันได้ ง่ายจนเกิดการอักเสบ ...
พอขยับมากๆก็เป็นการทำให้เลือดลมไหลเวียนและเอา สารที่ก่อการอักเสบออกไป... ต่างจากโรคข้ออักเสบชนิดอื่นที่การขยับมักจะก่อการอักเสบให้มากขึ้น
- มีอาการข้ออักเสบในตำแหน่งที่เข้าได้
- มีอาการข้ออักเสบในตำแหน่งที่สมมาตร
ข้อ อักเสบในกลุ่มรูมาตอยด์จะมีตำแหน่งที่ชอบข้อเล็กๆและข้อนิ้วบางตำแหน่งมาก กว่าจุดอื่น ... และอาการข้ออักเสบนี้เป็นอาการที่แพทย์ควรจะตรวจเจอมากกว่ารับจากการบรรยาย เพราะว่าอาการที่เรียกว่าข้ออักเสบต้องประกอบไปด้วยอาการปวดบวมแดงร้อน ที่ชัดเจน ... หลายครั้งที่ผู้ป่วยเชื่อว่ามีอาการข้ออักเสบแต่พอตรวจแล้วมีอาการเจ็บๆขัดๆ ข้อโดยที่ข้อไม่อักเสบ อันนี้ก็ไม่นับครับ
นอกจากนี้อย่างที่กล่าวไปแล้ว ว่ามันเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เวลาข้ออักเสบที่ข้างหนึ่ง อีกข้างที่เหมือนกันก็ควรจะอักเสบไปด้วย
- มีก้อนขึ้นในตำแหน่งและลักษณะที่เข้าได้กับโรค
รู มาตอยด์จะมีก้อนที่เรียกว่า Rheumatoid nodule อันนี้ก็ต้องให้แพทย์เป็นคนพิจารณา ซึ่งผู้ที่เป็นอาจจะลองสังเกตดูว่าหลังจากเริ่มมีอาการปวดแล้วเกิดไปมีก้อน ขึ้นที่ไหนหรือเปล่า
- มีภาพถ่ายรังสี(เอกซ์เรย์)ที่บ่งบอกถึงกระดูกที่ถูกทำลาย
เวลาเป็นมากๆจะมีลักษณะกระดูกถูกทำลายที่จำเพาะซึ่งแพทย์จะเอาไปแปลผลครับว่าความผิดปกตินั้นเกิดจากรูมาตอยด์หรือเกิดจากโณคอื่นๆ
- ตรวจเลือดพบRheumatoid factor
ค่า นี้เป็นค่าของสารที่พบได้บ่อยในผู้ที่เป็นรูมาตอยด์ครับ ... ข้อเด่นของมันคือมันเป็นการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ผลก็มีสองอย่างคือเจอกับไม่เจอ ... แต่ข้อด้อยของมันก็มีหลายข้อไม่ว่าจะเป็นเรื่องการที่สารตัวนี้ยังพบได้ใน โรคอื่นๆ รวมไปถึงคนที่เป็นโรคข้อรูมาตอยด์จริงๆก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องเจาะเจอสารตัว นี้ก็ได้ครับ
ทั้งนี้ อย่างน้อยจะต้องเจออาการต่างๆ สี่อย่าง จึงจะมั่นใจได้ว่าจะให้การรักษาแบบโรครูมาตอยด์จริงๆ

ถ้า อ่านแล้วงงก็โอเคครับ ไม่แปลก เพราะตอนที่ผมเรียนครั้งแรกก็งงเหมือนกันว่ามีด้วยหรือที่การวินิจฉัยนั้น ไม่แน่นอน ... แต่เรื่องนี้เป็นความจริงครับ และก็สร้างความลำบากให้กับแพทย์ในการวินิจฉัย
มีผู้ป่วยไม่น้อยที่ตรวจกับแพทย์ที่หนึ่งไม่เจอ ... แต่พอกลับบ้านเอายาไปกินพักนึง คนที่บ้านดูบอกว่าเป็น มาตรวจใหม่ดันเป็นจริงๆ
หรือบางรายไปตรวจแล้วแพทย์คนแรกบอกว่าเป็นแน่ๆ ... พอรักษาไปสักพักไม่แน่ใจเปลี่ยนที่ตรวจ แพทย์คนที่สองก็บอกว่าไม่เป็น
นั่น เป็นเพราะว่าการที่แพทย์คนนึงจะบอกได้ว่าเป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ต้องมี ลักษณะ4อย่างครับ แล้วที่น่าปวดหัวคือไม่ใช่ทุกครั้งที่จะครบทั้งสี่อย่าง โดยเฉพาะครั้งแรกๆที่เริ่มมีอาการมักจะมีอาการแค่หนึ่งหรือสองอย่างเท่านั้น ซึ่งต้องไประวังโรคอื่นมากกว่า

ถ้าไม่ต้องวินิจฉัยให้แน่นอน รักษาไปเลยไม่ได้หรือ
วิธีการและยาที่ใช้รักษาโรคนี้มีอยู่ในสองลักษณะครับ
แบบแรกคือ การรักษาแก้อาการปวดและอักเสบ
แบบที่สองคือ การรักษาป้องกันไม่ให้ข้อเสื่อมสลายจนพิการ
ยา ในกลุ่มแรกนั้นแพทย์จะให้อยู่แล้วครับเพราะว่าอย่างไรเสียมาด้วยปวดก็ต้อง จัดการให้หายปวด ... ต่อให้ยังไม่มั่นใจ(แค่สงสัย)ว่าเป็นข้ออักเสบรูมาตอยด์ก็ให้ยาพวกนี้ไปก่อน ได้ เพราะถ้าเป็นรูมาตอยด์จริงๆพอหมดยาพวกแรกแล้วก็จะกลับมาปวดใหม่อยู่ดี ... ซึ่งระหว่างที่กลับมาปวดซ้ำ แพทย์ก็จะค่อยๆค้นหาโรคว่าตกลงแล้วเป็นปวดข้อจากอะไรกันแน่
ยากลุ่มที่ สอง เป็นกลุ่มที่มีชื่อเรียกเฉพาะว่า "ดีมาร์ท" DMARDs เป็นยาหลักที่จะต้องให้ในคนที่เป็นรูมาตอยด์(ถ้าให้ได้) เพราะการให้ยากลุ่มแรกพวกแก้ปวดอักเสบ ต่อให้ให้ยาจนไม่ปวดเลยก็จะยังมีความพิการอยู่ดี การให้ยาในกลุ่ม DMARDsนี้จะช่วยทำให้โอกาสพิการลดลงได้ครับ
บางคนที่ถามว่าแล้วให้ยาไปเลยไม่ได้หรือ "กันไว้ดีกว่าแก้" ก็ต้องบอกว่าไม่ได้ครับ

เพราะ เจ้ายาในกลุ่ม DMARDs นี้เป็นยาที่อยู่ในกลุ่มที่มีพิษต่อเซลล์สูง คล้ายๆกับพวกเคมีบำบัดหรือการให้คีโมในผู้ป่วยมะเร็ง การให้ไปจะมีผลข้างเคียงได้สูง
ซึ่งแพทย์ที่จะให้ก็ต้องชั่งน้ำหนักเอาว่าเหมาะสมหรือไม่ที่จะใช้
จาก นั้นเมื่อแพทย์ชั่งน้ำหนักแล้วว่าเหมาะที่จะใช้ ผู้ป่วยเองก็ต้องร่วมตัดสินใจด้วยว่าจะเลือกเอาอะไรระหว่างเสี่ยงจากผลข้าง เคียงของยา กับ เสี่ยงจากผลของโรค

แล้วถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไรต่อ
สิ่งที่ทำได้ก่อนจะทำการวินิจฉัยโรคนี้มีดังต่อไปนี้ครับ
1. อย่าเปลี่ยนหมอหรือโรงพยาบาลบ่อยๆ
เพราะ ว่าส่วนมากแล้วอาการของโรครูมาตอยด์จะไม่ได้มาครั้งเดียวครบหมด แต่มักจะค่อยๆโผล่มาทีละอย่างสองอย่าง ... ผลเลือดบางครั้งเจาะแล้วอาจจะเจอหรือมีผลอยู่ที่โรงพยาบาลนั้นแล้ว ถ้าเปลี่ยนที่รักษาบ่อยๆ ก็เท่ากับว่าต้องไปเริ่มใหม่ครับ โอกาสที่จะวินิจฉัยได้ถูกต้องก็จะน้อยลงไป
หากอยากจะเปลี่ยนที่รักษาก็ขอให้แพทย์ที่รักษาเขียนรายละเอียดที่สำคัญลงไป (เอาแค่ที่สำคัญก็พอครับ อย่าเอาไปทั้งหมดเลย งงเปล่าๆ)
2. อย่าซื้อยาชุดยาลูกกลอนมากิน
จาก งานวิจัยหลายชิ้นยาชุดยาลูกกลอนมากกว่า50-90%ในท้องตลาดผสมสเตียรอยด์ ... ซึ่งเจ้าสเตียรอยด์นี้จะลดอาการปวดอักเสบได้ดีรวมทั้งกดอาการของโรคข้อรูมา ตอยด์ จึงทำให้การวินิจฉัยล่าช้า (บางรายงานยังพบว่าผลเจาะเลือดจะผิดปกติไปทำให้ตรวจไม่เจอลักษณะของรูมาตอ ยด์)
ที่สำคัญ คนที่ได้สเตียรอยด์อย่างเดียว แม้หายปวดแต่ก็จะมีผลแทรกซ้อนมากมายร่วมกับมีความพิการตามมาได้ภายหลัง
3. สังเกตอาการ มีอะไรแปลกๆบอกหมอทันที
เพราะ บางครั้งคุณอาจจะยังมีอาการไม่ครบในช่วงแรก แต่ถ้าเวลาผ่านๆไปแล้วเกิดอาการมันครบถ้วนขึ้นมาในภายหลัง การไปให้แพทย์ยืนยันก่อนเริ่มการรักษา
อีกเหตุผลก็เพราะว่าที่น่ากลัวของ โรคนี้ยังมีอีกครับ คือ บางครั้งอาการเหมือนๆรูมาตอยด์ แต่ปรากฎว่าเป็นโรคอื่น เช่น เกาท์ ข้อติดเชื้อ หรือโรคทางระบบภูมิคุ้มกันเช่น SLE ดังนั้นถ้ามันมีลักษณะแปลกๆไปก็ควรบอกแพทย์ครับ
4. ไปตามนัดเรื่อยๆสม่ำเสมอ
การ ตรวจและการรักษาโรคกลุ่มข้ออักเสบไม่ว่าจะเป็นรูมาตอยด์หรือไม่ก็ตาม การไปตามนัดเป็นสิ่งสำคัญครับ เพราะว่าการรักษาและการตรวจจะมีขั้นตอนค่อยๆเป็นค่อยๆไป

ครั้งหน้ามาต่อเรื่องนานาปัญหาเกี่ยวกับโรคข้อรูมาตอยด์ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553

http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=25-07-2008&group=11&gblog
เอาจากบล็อกของคุณหมอพนมกร ขอบคุณมากครับคุณหมอ


วิธีเดินด้วย ไม้ค้ำยัน ( Crutches )

ไม้ค้ำยัน ( Crutches )

ตัวหนังสือจะเล็กหน่อยนะครับ .. ใช้วิธีคลิ๊กที่ภาพ แล้วไปขยาย อีกครั้งนะครับ น่าจะพออ่านได้ ..

ที่ต้องลงเป็นภาพ เพราะจะได้เห็นว่า ทำอย่างไร นะครับ ...

http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=25-07-2008&group=11&gblog
เอาจากบล็อกของคุณหมอพนมกร ขอบคุณมากครับคุณหมอ


วิธีเดินด้วย ไม้เท้า ( Canes )

ไม้เท้า ( Canes )

ตัวหนังสือจะเล็กหน่อยนะครับ .. ใช้วิธีคลิ๊กที่ภาพ แล้วไปขยาย อีกครั้งนะครับ น่าจะพออ่านได้ ..

ที่ต้องลงเป็นภาพ เพราะจะได้เห็นว่า ทำอย่างไร นะครับ ..


http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=25-07-2008&group=11&gblog
เอาจากบล็อกของคุณหมอพนมกร ขอบคุณมากครับคุณหมอ


วิธีบริหาร กล้ามเนื้อ หลัง และ กล้ามเนื้อสะโพก


วิธีบริหาร กล้ามเนื้อ หลัง และ กล้ามเนื้อสะโพก








ข้อเท้า

http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=25-07-2008&group=11&gblog
เอาจากบล็อกของคุณหมอพนมกร ขอบคุณมากครับคุณหมอ

วิธีบริหาร เท้า ข้อเท้า และ ขา

วิธีบริหาร เท้า ข้อเท้า และ ขา



http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=25-07-2008&group=11&gblog
เอาจากบล็อกของคุณหมอพนมกร ขอบคุณมากครับคุณหมอ

วิธีบริหาร เข่า


วิธีบริหาร เข่า


http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=25-07-2008&group=11&gblog
เอาจากบล็อกของคุณหมอพนมกร ขอบคุณมากครับคุณหมอ


วิธีบริหาร คอ

วิธีบริหาร คอ


http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=25-07-2008&group=11&gblog
เอาจากบล็อกของคุณหมอพนมกร ขอบคุณมากครับ


วิธีบริหาร ไหล่


วิธีบริหาร ไหล่



http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=25-07-2008&group=11&gblog
เอาจากบล็อกของคุณหมอพนมกร ขอบคุณมากครับ

เรื่อง วิธีบริหาร นิ้วมือ ข้อมือ ข้อศอก


วิธีบริหาร นิ้วมือ ข้อมือ ข้อศอก



วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

บล็อกของคุณหมอพนมกร

http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=25-07-2008&group=11&gblog=6

อาการปวดคอ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ผมมีวิธีการบริหารกล้าเนื้อคอมาฝาก ขอบคุณwww.geocities.com/phanomgon



คืออยากจะบอกว่า ถ้าหากคุณปวดคอนานเป็นเดือนไม่หาย อาจจะเป็นโรคกระดูกคอเสื่อมได้ การบริหารนี้ช่วยคุณได้มาก ทีสำคัญคุณอย่าไป หักคอตัวเองเล่นแก้ปวดเมื่อย เช่นบิดไปมาแรงๆและมีเสียงดัง นั้นหละ
ตัวอันตรายถ้าทำบ่อยๆคุณอาจจะ ต้องผ่าตัดคอในอนาคต เพราะทำแบบนั้นแม้จะ ทำให้รู้สึกสบายในทันที แต่มันจะเป็นการทำลายกระดูกคอของคุณเองในระยะยาว ต่อไปคุณจะปวดมากขึ้นๆ ทุกๆวันจนเป็นเดือน ที่ผมกล้าพูดเพราะผมเป็นมาแล้ว และได้ไปปรึกษาคุณหมอที่โรงพยาบาลมาหมอก็ได้ให้คำแนะนำมาอย่าง ที่เห็นในภาพที่ผม ลงมาให้ดู
ถ้าใครอยากเห็นชัดก็เข้าไปที่http://www.google.co.th/imglanding?q=บริหารคอ&imgurl=http://btgsf1.fsanook.com/weblog/img/entry_gallery/159/796450/55488_004.jpg%253Br:width%3D415,height%3D415%253Bfile:49fd2e.jpg&imgrefurl=http://women.sanook.com/widget/slideshow/796450/109247/&h=277&w=415&sz=38&tbnid=ibB0sWwXJhi2DM:&tbnh=83&tbnw=125&prev=/images%3Fq%3D%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25AD&hl=th&usg=__MeU7WeNAw9AhiiWXNYClU2qKZMs=&ei=9EQDTKWnFIqzrAfM06U8&sa=X&oi=image_result&resnum=7&ct=image&ved=0CDEQ9QEwBg&start=0

แล้วกดเน็กไปเรื่อยๆก็จะเจอภาพนี้ครับ ท้ายนี้ขอบคุณนพ.พนมกร ดิษฐสุวรรณ์ ที่นำภาพนี้มาให้ฝึกกันครับ


ปล.เล่นคอมก้ต้องนั่งให้ตัวตรงด้วย ให้หลังกับคออยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกันนะครับ ด้วยความหวังดีจาก เหม่งครับ


วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ผมรักในหลวงครับ


เรื่องเล่าจากในวัง....แล้วคุณจะรัก'ในหลวง' ผมมีเรื่องที่จะเล่าให้ฟังอยู่เหตุการณ์หนึ่งซึ่งเป็นเรื่องจริง เหตุการณ์เกิดที่จังหวัดตาก เมื่อพระเทพทรงเสด็จไปเยี่ยมราษฏรตามที่ต่างๆ และได้ทรงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนในตลาดสดและถามความเป็นอยู่กับบรรดาแม่ค้าในตลาด แต่ก็มาถึงแม่ค้าปลา ซึ่งพระองค์ทรงตรัสถามว่า "ปลาพวกนี้ขายอย่างไงจ๊ะ" แม่ค้าตอบว่า "ที่สวรรคตแล้ว กิโลละ 40 บาท และที่เสด็จไปเสด็จมากิโลละ 80 บาทจ๊ะ" เหตุการณ์นี้ ทำให้ข้าราชบริพารที่ตามเสด็จหัวเราะกันทุกคน เช้าวันหนึ่ง เวลาประมาณ 7 โมงเช้า นางสนองพระโอษฐ์ ของฟ้าหญิงองค์เล็ก ได้รับโทรศัพท์เป็นเสียงผู้ชาย ขอพูดสายกับฟ้าหญิง ทางนางสนองพระโอษฐ์ ก็สอบถามว่าใครจะพูดสายด้วย ก็มีเสียงตอบกลับมาว่า คนที่แบงก์ นางสนองพระโอฐก็ งง...งง ว่าคนที่แบงก์ทำไมโทรมาแต่เช้า แบงก์ก็ยังไม่เปิดนี่หว่า แต่ พอฟ้าหญิงรับโทรศัพท์แล้วถึงได้รู้ว่า คนที่แบงก์น่ะ ก็ที่แบงก์จริงๆนะ ไม่เชื่อเปิดกระเป๋าตังค์ แล้วหยิบแบงก์มาดูสิ ... ขนลุกเลย (ทรงตรัสกับในหลวงท่านอยู่นั่นเอง)

พิมผู้น่ารัก


ชอบครับน้องเค้าร้องเพลงก็ได้เรียนก็ดี

วาสนา ขอบคุณคนเล่าเรื่องนี้ครับ


วาสนาชายหญิงคู่หนึ่งรักกันมาก คบกันมา 3 ปี ทั้ง 2 ตกลงจะแต่งงานกัน เมื่อกำหนดวันเรียบร้อย ฝ่ายชายเองก็รอคอยวันที่จะแต่งงาน ต่อมาไม่นานฝ่ายชายรู้ข่าวว่า คู่รักของตนแต่งงานกับคนอื่นอย่างกะทันหัน โดยฝ่ายหญิงเองก็เต็มใจ ไม่ได้ถูกบังคับแต่อย่างใด เมื่อได้ทราบข่าว เขาทั้งงงและเสียใจมาก ร้องไห้ไม่กินไม่นอน ไม่นานก็ป่วยหนักเพราะตรอมใจ เวลาผ่านไป ฝ่ายชายป่วยหนักขึ้นเรื่อยๆไปหาหมอเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้น ขณะที่นอนซมอยู่ที่บ้านนั้น มีหลวงตาแก่ๆผ่านมา เมื่อมาถึงหลวงตาหยุดอยู่ที่หน้าบ้าน แล้วมองเข้าไปในบ้านจึงเคาะประตู เด็กรับใช้ออกมาเปิดประตูพบว่า เป็นพระ จึงบอกว่า ไม่ทำบุญนิมนต์ข้างหน้า หลวงตายิ้มอย่างมีเมตตาแล้วพูดว่า อาตมาไม่ได้มาบิณฑบาต ในบ้านมีคนป่วยใช่มั๊ย อาตมาพอมีความรู้ทางด้านการแพทย์นิดหน่อย ไม่รู้จะพอช่วยได้รึปล่าว เด็กรับใช้ได้ฟังก็อึ้งแต่ก็บอกว่าตัดสินใจเองไม่ได้ ต้องขอไปถามเจ้านายก่อน เด็กรับใช้เดินเข้าไปในบ้านถามเจ้านาย เจ้านายตอบอย่างตัดรำคาญว่าอยากเข้ามา ก็เข้ามา! เมื่อหลวงตาเข้าไปพบที่ห้องนอนพบว่า ชายคนดังกล่าวนอนอย่างหมดอาลัยตายอยากอยู่บนเตียง สีหน้าซีดเซียว ร่างกายซูบผอมประหนึ่งครึ่งคนครึ่งศพ เด็กรับใช้นำน้ำมาถวายหลวงตา พร้อมจัดเก้าอี้ถวายข้างๆเตียงของชายคนนั้น หลวงตายิ้มแล้วพูดว่าอาการหนักเลยนะ ชายคนนั้น นิ่งเงียบไม่สนใจในสิ่งที่หลวงตาพูด หลวงตาตรวจอาการพอเป็นพิธี จึงกล่าวว่า โทรมมากเลยนะ ชายคนนั้นไม่สนใจ หลวงตาบอกว่าไม่เชื่อ ลองมองที่กระจกสิ ชายคนนั้นไม่สนใจ แต่ขณะที่หางตาชายไปที่กระจกแต่งตัวในห้องนอน เขามองเห็นภาพของคนที่รักอยู่ในนั้น ไม่นานภาพของคนรักก็ค่อยๆจางหายไป กลายเป็นภาพทิวทัศน์ชายทะเล ที่ชายทะเลแห่งนั้นเงียบสงบ ไม่มีคนผ่านไปมา ขณะที่ชายคนที่ป่วยนั้น มองภาพในกระจกด้วยความสนใจนั้น เขาพบว่า มีศพหญิงสาวนอนเปลือยกายอยู่ที่ชายหาด เวลาผ่านไปสักครู่ มีชายคนหนึ่งเดินผ่านมา เขามองเห็นศพหญิงคนนั้นด้วยความรังเกียจ แล้วเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว ต่อมาพักใหญ่มีชายอีกคนหนึ่งเดินผ่านมา เขามองเห็นศพนั้น เขาสงสารจึงถอดเสื้อนอกออกมาคลุมร่างของหญิงคนนั้น แล้วเดินจากไป พักใหญ่ๆอีกเช่นกัน มีชายอีกคนเดินผ่านมา เขาพบคนนอนมีผ้าคลุมอยู่ จึงเปิดออกดู เมื่อพบว่า เป็นศพ ด้วยใจสงสาร จึงจะฝังให้เรียบร้อย แต่ก็ไม่มีเครื่องมือจะขุด เขาจึงตัดสินใจใช้มือทั้ง 2 ข้างๆ ค่อยๆกอบทรายขึ้นมา เขาทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนเย็น พอได้หลุมใหญ่พอสมควร จึงได้ฝังศพผู้หญิงคนนั้นเรียบร้อยแล้วจากไป จากนั้นภาพในกระจกก็เปลี่ยนเป็นภาพของศพหญิงคนนั้น และก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นภาพของหญิงคนรัก เขาได้เห็นก็ตกใจ พอสักพัก ก็ปรากฏเป็นภาพชายคนที่ 2 แล้วก็ค่อยๆจางหายไป เหลือแต่เงาของตัวเองในกระจก ทันใดนั้นหลวงตาพูดว่า ทีนี้เข้าใจรึยัง ศพนั้นคือคู่รักของโยม ชายคนที่ช่วยฝังศพเธอ ผูกวาสนากับเธอหนึ่งชาติ ชาตินี้เธอเลยแต่งงานกับเขา ส่วนโยมช่วยคลุมศพเธอ จึงผูกวาสนา 3 ปี ตอนนี้ครบ 3 ปี วาสนาสิ้นแล้วก็ต้องจากกัน เมื่อชายคนนั้นฟังจบก็กระอักเลือดออกมา เด็กรับใช้ตกใจมาก หลวงตายิ้มแล้วบอกว่า โยมรอดแล้ว เมื่อกี้โยมกระอักเลือดเอาเลือดเสียออกมาแล้ว ต่อมาไม่นานชายคนนั้นก็ได้ออกบวชในที่สุด ^_^ คนเราเจอกัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ความสัมพันธ์ พ่อ , แม่ , พี่ ญาติ , เพื่อน , ศัตรู , คนรัก ฯลฯ ไม่ใช่ของเลื่อนลอย เมื่อมีวาสนา ไม่ต้องเรียกร้อง ถึงเวลาก็มาเจอกัน เมื่อสิ้นวาสนา ก็ต้องจากกัน รั้งยังไงก็ไม่อยู่ ในตอนที่ยังไม่จากกันนี้ คุณทำได้ทำดีต่อคนของคุณหรือยัง เพราะถึงเวลาที่ต้องจากกัน ไม่ว่าคุณจะมีเงินหรืออำนาจล้นฟ้า ก็เรียกมันกลับคืนมาไม่ได้ ทำดีต่อกันไว้ดีกว่า เพราะไม่มีใครรู้ว่า เราจะต้องจากกันเมื่อไหร่ ^_^

วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

พรุ่งนี้วันวิสาขบูชา


คิดว่าจะไปวัด ไม่รู้ว่าคนจะแน่นหรือเปล่าแต่ว่านะ ถ้าไม่ได้ไปก็อ่านหนังสือมหาบพิตรต่อดีกว่า

ช่วงนี้ยังมีประกาศเคอฟิวอยู่ ออกนอกบ้านกลางคืนไม่ได้นิ (หลังมีการสลายม๊อบเสื้อแดงวันที่ 19 พ.ค. 2553ที่ผ่านมา กทม.โดนเผาไป 35 แห่งโดยประมาณ คนตายจากการชุมนุมครั้งนี้ รวมทหาร 11 นาย ประชาชนประมาณ 74คน) คนเราห่างไกลศาสนา ก็มักจะ....เป็นอย่างนี้ละมั้ง ไม่มียอมกันเลย...

วันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

หวัดดีครับทุกคน


สวัสดีครับทุกคน สบายกันดีนะครับ

คนน่ารัก



สวัสดีทุกคน

ผู้ติดตาม

คลังบทความของบล็อก

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
รักสงบ รักต้นไม้ อ่านหนังสือ เล่นดนตรี